สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างและสัดส่วนเกิน อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ คือ การดูดไขมัน ที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน ทั้งดูดไขมันที่เกาหลี หรือดูดดูไขมันในประเทศไทยเอง ทำให้หลายคนสงสัยว่า การ ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย นั้นให้ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงเหมือนกันหรือไม่ มีผลกระทบแทรกซ้อนภายหลังหรือไม่ และที่ไหนดีกว่ากัน ?
ซึ่ง การดูดไขมัน นับเป็นการศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติ เพราะการดูดไขมันต้องทำร่วมกันกับการผ่าตัด ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น และที่สำคัญคือความสะอาด
การดูดไขมันไม่สามารถดูดได้ทุกตำแหน่งบนร่างกาย เพราะบางตำแหน่งมีความเสี่ยงสูง ซึ่งไม่เหมาะกับการดูดไขมัน โดยตำแหน่งที่คนนิยมดูดไขมัน ได้แก่ ท้อง เอว ต้นขา ต้นแขน และสะโพก ส่วนตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมัน คือ ใบหน้า แต่ก็ไม่ใช่ว่า ไม่สามารถทำได้ เพียงแต่บริเวณใบหน้านั้น มีเส้นประสาทจำนวนมาก ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ก็ต้องทันสมัย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
การ ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย แตกต่างกันอย่างไร ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับการดูดไขมันกันก่อน ว่าคืออะไร และ ก่อนจะดูดไขมันมันต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร มีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้างที่อาจจะเกิดขึ้นกับเรา เพื่อพิจารณาว่าวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยการดูดไขมันนั้น เหมาะสมกับเราหรือไม่
- การดูดไขมัน คืออะไร
- ภาวะแทรกซ้อนหลังจากดูดไขมัน
- การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
- ความแตกต่างของการดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย
การดูดไขมัน คืออะไร
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นเทคนิคการศัลยกรรมรูปร่างเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการออก จุดที่นิยมดูดไขมันกันนั้น ได้แก่ บริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก การดูดไขมันนั้นช่วยลดปริมาณไขมันที่เกิดจากการสะสมตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นไขมันที่สลายได้ยาก หรือไขมันที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ร่างกายนั้นดูไม่สมส่วน และเป็นจุดที่กำจัดได้ยาก ไม่ว่าจะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วก็ตาม
แต่สิ่งที่ควรทราบคือ การดูดไขมันไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก เป็นเพียงการปรับรูปร่าง และสัดส่วน ให้ออกมาเป็นตามที่ต้องการ เช่น ในกรณีผู้หญิงที่ต้องการมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง เห็นเอวคอด บั้นท้ายเล็กลง ก็สามารถดูดไขมันช่วงหน้าท้องหรือต้นขาได้ ในผู้ชายอาจต้องการลดไขมันหน้าท้องเพื่อให้เห็นซิกซ์แพ็ก หรือกล้ามเนื้อท้องที่ชัดเจนขึ้น ก็สามารถใช้การดูดไขมันหน้าท้องช่วยได้เช่นกัน ส่วนใครจะสะดวกที่จะ ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย ก็อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคน
การดูดไขมันนั้น ในปัจจุบันเป็นวิธีกำจัดไขมันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และ สามารถทำได้ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำภายในประเทศ ไม่ต้องเดินทางเพื่อไปดูดไขมันที่ต่างประเทศ เหมือนเมื่อสมัยก่อน ที่ต้องบินไปศัลยกรรมไกลถึงเกาหลี ปัจจุบันนี้ในประเทศไทย ก็มีการให้บริการการดูดไขมันที่มีคุณภาพ และปลอดภัยแล้วเช่นกัน
ภาวะแทรกซ้อนหลังจากดูดไขมัน
ไม่ว่าจะเลือก ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย สิ่งที่ต้องรู้คือ ภายหลังจากการดูดไขมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง เนื่องจากการดูดไขมันนั้น คือ การนำไขมันจำนวนมากออกไปภายในเวลารวดเร็ว ดังนั้น การเกิดอาการบวม ช้ำ เขียว จึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้หลังการดูดไขมัน แต่จะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่รอยเขียวช้ำนั้นสามารถหายไปได้เอง โดยไม่มีผลกระทบรุนแรงใดๆ กับร่างกาย
สิ่งที่ช่วยได้คือการสวมใส่สเตย์หรือชุดรัดกระชับ จะช่วยให้อาการบวมยุบเร็วขึ้น และยังช่วยพยุงร่างกายไว้ไม่ให้กระทบกระเทือนบริเวณที่เป็นแผล นอกจากจะช่วยลดการบวมแล้ว ยังช่วยให้เจ็บน้อยลงเวลาเคลื่อนไหว
ในบางราย เมื่อดูดไขมันไปแล้วอาจทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกดูดไขมันออกไปไม่เรียบ เหลือเป็นรอยลักษณะเป็นคลื่นอยู่ สาเหตุเกิดจากดูดไขมันในชั้นผิวที่ไม่ลึกมากพอ หรือบางรายผิวอาจแข็ง เนื่องจากเนื้อเยื่อแข็งขึ้น แต่สามารถรักษาได้โดยการนวด ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทยหรือนวดน้ำมัน หรือใช้เครื่อง RF รักษาร่วมด้วย
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
ก่อนจะทำการดูดไขมัน ไม่ว่าจะเป็น ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย จะต้องมีการปรึกษาพูดคุยกับศัลยแพทย์ถึงความคาดหวังและเป้าหมายของการดูดไขมันในครั้งนี้เสียก่อน เพื่อจะได้ทราบถึงผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการ และศัลยแพทย์จะพูดถึงผลข้างเคียงและการดูแลตัวเองภายหลังการดูดไขมัน
มีการตรวจร่างกาย สอบประวัติและตรวจสอบทางการแพทย์ต่างๆ และจะต้องแจ้งกับศัลยแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา การใช้ยารักษาโรค อาหารเสริม หรือมีการใช้สมุนไพรชนิดใด
ศัลยแพทย์อาจจะแนะนำให้หยุดใช้ยาบางชนิด เช่น ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาลดการอักเสบ (NSAIDs) ก่อนการเข้ารับการดูดไขมันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังป่วย อาจเป็นข้อห้ามในการดูดไขมัน
ในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่แผลจะหายช้า หรือติดเชื้อหรือโรคแทรกซ้อนได้สูงกว่าคนทั่วไป
หากต้องการดูดไขมันจริงๆ จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบและพิจารณาความเหมาะสมเสียก่อน
การจะดูดไขมันเป็นการศัลยกรรมใหญ่และทุกการผ่าตัดมีความเสี่ยง จึงต้องเลือกทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น
ความแตกต่างของการดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย
สิ่งที่ควรระวังของการดูดไขมันคือ การติดเชื้อของแผลผ่าตัด ควรรักษาแผลผ่าตัดให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอไม่ว่าจะตัดสินใจเลือก ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย สิ่งที่ต้องพิจารณาอันดับแรก คือ ความสะอาดของโรงพยาบาลหรือคลินิก ความสะอาดของห้องผ่าตัด เทคโนโลยีเครื่องดูดไขมัน รวมถึงความชำนาญของศัลยแพทย์
ส่วนในเรื่องของผลลัพธ์หลังการดูดไขมันนั้นไม่แตกต่างกัน แต่การดูดไขมันกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญนั้น อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่มากและรุนแรงกว่า การ ดูดไขมันที่เกาหลี VS ดูดไขมันที่ไทย คงต้องบอกว่ามีความแตกต่างกัน ในเรื่องของเทคนิคการดูดไขมัน เพราะมีแพทย์เพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น ที่สามารถดูดไขมันได้เทคนิคเดียวกับที่เกาหลี
ซึ่งก็เช่นเดียวกับการศัลยกรรมอื่นๆ ที่แพทย์แต่ละท่านจะมีเทคนิคเฉพาะเป็นของตัวเอง หากเราต้องการผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ สวยงาม เจ็บตัวน้อย ไม่มีผลข้างเคียง การเลือกทำศัลกรรมกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญเรื่องนั้นๆโดยเฉพาะจึงสำคัญมาก
สรุป
หากคุณเป็นคนที่กำลังตัดสินใจจะกำจัดส่วนเกิดด้วยวิธีการดูดไขมัน ควรหาข้อมูลในเรื่องนี้ให้ละเอียด ตั้งแต่การเตรียมตัว การดูแลร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้ และผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย