ถึงแม้ว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ จะไม่ต้องทำการพักฟื้นอะไร สามารถไปทำงานต่อได้ทันที แต่ก็ต้องมีการดูแลตัวเองให้ดี และปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะถ้าหากมีการปล่อยปะละเลยไม่ดูแลตัวเอง อาจทำให้มีผลกระทบกับฟิลเลอร์และทำให้ผลลัพธ์หลังการฉีดมีการเปลี่ยนแปลง ไม่คงความสวยงาม
สารบัญ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และความร้อน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
- หลีกเลี่ยงการแว๊กซ์ ถอน ย้อมสีขน
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด หลังฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ มีข้อควรปฏิบัติที่แพทย์จะบอกอย่างเด็ดขาดว่าให้หลีกเลี่ยง คือ ห้ามนวด กด รวมถึงการสัมผัสแรงๆ ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเคลื่อนที่ไปจากบริเวณที่ฉีด หรือถ้าแพทย์ใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกหน้า การกระทำดังกล่าวจะส่งผลกับฟิลเลอร์และทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้
ถ้าหากมีอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ร่วมด้วย ห้ามเกาโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบของผิวและเกิดการคลาดเคลื่อนของฟิลเลอร์ หากอาการคันไม่หายไปภายใน 3 วัน ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
หลังฉีดฟิลเลอร์ ต้องหลีกเลี่ยงการโดนความร้อน
โดยปกติแล้วในช่วง 48 ชั่วโมงแรก แพทย์จะแนะนำไม่ให้ผู้เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์โดนความร้อนหรืออุณหภูมิสูง เช่น แสงแดดหรือการทำเลเซอร์ เพราะผิวหลังจากทำหัตถการนั้นมีความเซ้นซีทีฟในช่วงแรกรวมไปถึงอาจจะมีผลกระทบต่อฟิลเลอร์ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายอย่างที่ใครๆพูดกัน แต่ความร้อนทำให้ผิวยืดหดมากกว่าปกติ ส่งผลต่องการเซทตัวของฟิลเลอร์ อีกทั้งการโดนความร้อนอาจทำให้เกิดรอยแดง ระคายเคืองและผื่นขึ้นได้
อ่านเพิ่มเติม การสลายฟิลเลอร์ มีวิธีไหนบ้าง?
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด
ควรหลีกเลี่ยงการทานวิตามิน เช่น กิงโกะ น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสม และวิตามินอี ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าสารเหล่านั้นจะทำปฎิกิริยาหรือส่งผลร้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่สารเหล่านั้นจะทำให้คนไข้เสี่ยงกับ “ภาวะช้ำ” ได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA หรือ Retinoids ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวและบริเวณที่ฉีดสารฟิลเลอร์ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงก่อนชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
วิธีดูแลตัวเองก่อนฉีดฟิลเลอร์ อ่านเลย
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบบางชนิดเป็นยาที่ควรหลีกเลี่ยงทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดลงไปในผิวหนังชั้นลึก ถ้าเกิดโดนเส้นเลือดขณะฉีดอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าทำให้ช้ำง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย และไม่เสี่ยงช้ำควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวอย่างน้อย 1 สัปดาห์
หลีกเลี่ยงการแว๊กซ์ ถอน ย้อมสีขน
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วผิวหนังบริเวณที่ฉีดอาจมีความบอบบางลงชั่วคราว ประมาณ 2 – 3 วัน ซึ่งหากในระหว่างนี้มีการกำจัดขนด้วยวิธีต่าง ๆ เช่นการแว๊กซ์ขน ถอนขน ใช้ครีมกำจัดขน ก็อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้
ดื่มน้ำในปริมาณมาก
ฟิลเลอร์ที่ทำการฉีดเข้าไป คือสาร Hyaluronic Acid ซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำได้ดี หลังจากฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 4 – 5 วันแรก แพทย์จึงแนะนำให้ดื่มน้ำให้อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคงทน เพราะการดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารอุ้มน้ำมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูเต็มเป็นธรรมชาติ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แนะนำให้งดการดื่มแอลกอลฮอล์ และของมึนเมา ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะฟิลเลอร์จะสลายอยู่ไม่นาน แต่เป็นเพราะคนไข้จะไม่มีสติดูแลบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไป อาจจะเผลอนวด เผลอเท้าคางได้ และการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจจะทำให้เลือกออกในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ปาก ก็ยิ่งควรหลีกเลี่ยงเพราะความร้อนอาจให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
หากท่านใดสนใจการฉีดฟิลเลอร์ ทาง Thaitop ได้จัดอันดับคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ดีที่สุดไว้แล้ว >> คลิ๊ก <<
สรุป
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวทั้งหมด เพราะนอกจากป้องกันผลข้างเคียงแล้ว ยังช่วยให้ผลลัพธ์ในการฉีดฟิลเลอร์นั้นดูดีมากยิ่งขึ้น เช่น การดื่มน้ำหลังจากฉีดฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์มีความฟู และทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มีความเปล่งปลั่ง ดูอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น