หัตถการ ร้อยไหมก้างปลา อีกหนึ่งความนิยมในแวดวงศัลยกรรมความงาม เพราะการร้อยไหมจะมีส่วนช่วยในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะการยกกระชับใบหน้าให้เรียว สวย บทความนี้จะช่วยให้คุณได้รู้จักกับไหมก้างปลามากยิ่งขึ้น
สารบัญ
- ร้อยไหม คืออะไร
- ร้อยไหมก้างปลา
- ชนิดของไหมก้างปลา
- ใครเหมาะกับการร้อยไหมก้างปลาบ้าง
- อันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ร้อยไหม คืออะไร
การร้อยไหม เป็นวิธียกกระชับผิวที่ใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย เพียงแต่นิยมใช้กับผิวหน้ามากกว่า ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังบนใบหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณแก้ม ร่องจมูก ขากรรไกร หน้าผาก โดยใช้ไหมละลายจำนวนหลายเส้นร้อยเข้าไปในใต้ผิวหนัง การทำเช่นนี้ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิวและมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่บริเวณรอบเส้นไหม ทำให้ผิวหน้าถูกดึงรั้งจนเต่งตึง ทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณดังกล่าวมากขึ้น
ร้อยไหมก้างปลา
ร้อยไหมก้างปลา หรือ ร้อยไหมเงี่ยง โดยไหมก้างปลาจะเป็นชื่อที่แพทย์ส่วนใหญ่จะใช้เรียกกัน และการร้อยไหมก้างปลาจะมีลักษณะคล้าย ๆ เงี่ยงที่โผล่ออกมาเหมือนก้างปลา วัสดุที่ใช้เป็นไหมละลายคุณภาพที่ใช้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ อย่าง PDO , PLLA และ PCL มีส่วนช่วยในเรื่องของการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมกระชับยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติม วิธียกกระชับใบหน้าด้วยหัตถการอื่น ๆ
ชนิดของไหมก้างปลา
ไหมก้างปลา จะมีทั้งหมด 3 ชนิด ดังนี้
PDO
เป็นไหมที่ได้รับความนิยมมาก และเป็นไหมชนิดแรกที่ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม โดย PDO เป็นไหมละลายที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถละลายไปเองตามกระบวนการการทำงานของร่างกาย ระยะเวลาโดยเฉลี่ย จะอยู่ได้นาน 8-12 เดือน
PLLA
เป็นไหมที่ค่อนข้างแข็งและเป็นไหมที่มีจุดเด่นด้านความแข็ง แต่ข้อเสียคือเปราะหักได้ง่ายกว่าไหมชนิดอื่น ๆ เวลาร้อยในยุคแรก ๆ ผู้รับการร้อยจะสามารถสัมผัสถึงตัวไหมได้ หรืออาจได้ยินเสียงเวลาขยับกล้ามเนื้อหน้า
PLC
มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงและเส้นเล็ก เหมาะสำหรับการร้อยในจุดที่ละเอียดอ่อนอย่างใต้ดวงตา และปัจจุบันถูกพัฒนาให้มีการผสมตัว PLLA เข้าไปด้วย เป็น PLC + PLLA จึงเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองมารวมกัน เลยกลายเป็นไหมที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในตอนนี้ ระยะเวลาโดยเฉลี่ย จะอยู่ได้นาน 18-24 เดือน
ทว่าไม่ได้แปลว่าจะสามารถพยุงผิวได้นานทีเดียว เพราะหากผิวขาดคอลลาเจนและอิลาสติน การร้อยไหมก็อาจจะอยู่ได้สั้นลง เพราผิวจะหลุดออกจากไหมก่อนที่ไหมจะละลาย แต่ก็สามารถแก้ด้วยการร้อยไหมเพิ่มเข้าไปในแนวเดิม ผิวหนังจะยึดเกาะได้ดีและอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
ใครเหมาะกับการร้อยไหมก้างปลาบ้าง
- ผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี
- ผู้ที่มีใบหน้าไม่เรียว กระชับ หย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า
- ผู้ที่มีแก้มเยอะ อยากลดแก้ม
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิว
อันตรายที่อาจเกิดขึ้น
การ ร้อยไหมก้างปลา ถือเป็นหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับใบหน้าที่ แต่ทั้งนี้ก็มีในบางกรณีที่อาจเกิดผลข้างเคียงจากเทคนิคการร้อยไหมที่ไม่ถูกต้อง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ไม่รุนแรงมากนัก และสามารถแก้ไขได้ ดังนี้
- มีใบหน้าไม่เท่ากัน ผู้เข้ารับบริการอาจมีใบหน้าไม่สมมาตรกันอยุู่แล้ว หรือเกิดความไม่เท่ากันของใบหน้าจากการร้อยไหมได้ เพื่อป้องกันและสังเกตความผิดปกติ แพทย์ต้องให้ผู้เข้ารับบริการส่องกระจกไปด้วยในระหว่างทำ
- การติดเชื้อ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์ต้องทำการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ
- การอักเสบของเนื้อเยื่อ เนื่องจากไหมจะถูกร้อยลงไปที่บริเวณผิวหนังชั้นค่อนข้างลึก จึงเสี่ยงการเกิดกลุ่มเนื้อเยื่ออักเสบได้
- ไหมหลุด หลังจากสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง แพทย์จะตัดปลายไหมส่วนเกินออก เพราะหากไหมยื่นออกมา คนไข้อาจเสี่ยงเกิดการติดเชื้อและการอักเสบของเนื้อเยื่อตามมา
- ไหมแตกหัก เส้นไหมอาจเกิดการแตกหักในระหว่างขั้นตอนการสอดเข้าไปใต้ผิวหนังหรือขณะดึงรัดเส้นไหม
หากท่านใดสนใจการร้อยไหม ทาง Thaitop ได้จัดอันดับคลินิกร้อยไหมทีดีที่สุด
สรุป
สำหรับการ ร้อยไหมก้างปลา เพื่อใบหน้าที่กระชับ เรียวสวย ผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่ต้องการนั้น อันดับแรกควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการร้อยไหม เพื่อทราบถึงรายละเอียด ขั้นตอน การเตรียมตัวต่าง ๆ ก่อน และการใช้ชีวิตในประจำวันเพื่อความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูง