การฉีดPRP กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่นที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับวิธีการรักษามาเป็นเวลานานแล้ว
PRP (Platelet Rich Plasma) คือ เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นกว่าเกล็ดเลือดในกระแสโลหิตทั่วไป 3 – 4 เท่า โดยเป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นที่เหมาะสมในการใช้ในการรักษา
การฉีดPRP จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุนั้นกลับมามีคอลลาเจน และยืดหยุ่นดีอีกครั้ง โดยทำการฉีดเกล็ดเลือดของตัวคนไข้เองกลับเข้าไปที่ใบหน้า
ในการที่เราจะฉีดPRP ก่อนอื่นเราจะทำการสกัดเลือดของตัวคนไข้เอง และแยกส่วนของเลือดและน้ำออกจากกัน เพื่อที่จะได้เกล็ดเลือดที่เข้มข้นและสมบูรณ์ที่สุด โดยแยกชั้นออกเป็น 3 ส่วน คือ เกล็ดเลือดที่ไม่เข้มข้น เซลล์เม็ดเลือดขาว + เกล็ดเลือดเข้มข้น(PRP) และเซลล์เม็ดเลือดแดง
จำนวนของเลือด และเวลาที่จะนำมาปั่นสกัดเป็น PRP นั้นจะแตกต่างกันออกไปตามชนิด หรือตามผู้ผลิตเครื่องมือ แต่สุดท้ายแล้วจำนวน PRP ที่ได้จะต้องเท่ากับ 5-7 มิลลิกรัม
ผลลัพธ์ของการฉีด PRP
การรักษาผิวหน้าด้วย PRP นั้น ก็เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวและเสริมสร้างโปรตีนให้กับผิวที่จะช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยการกระตุ้นคอลลาเจนภายในผิวหนังชั้นในและยังช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดแดงรวมไปถึงเซลล์ต้นกำเนิดด้วย
อย่างไรก็ดี การรักษาด้วย PRP ยังถูกใช้เพื่อให้ฟื้นตัวได้ไวขึ้นจากการผ่าตัด ช่วยในเรื่องของกระดูกและเส้นเอ็น การทำทันตกรรม และการผ่าตัดศัลยกรรมอื่นๆ
PRP มักจะฉีดโดยตรงเข้าที่บริเวณที่ต้องการ เช่น บริเวณที่มีความยืดหยุ่นน้อย บริเวณที่มีแผล หรือ ยังสามารถใช้ฉีดที่ผิวหน้า หลังจากการทำเลเซอร์ต่างๆ
เกล็ดเลือดที่ใช้งานได้กระตุ้นให้เกิดความแตกต่างของเซลล์ต้นกำเนิด และช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในเซลล์ เช่น คอลลาเจน และ อีลาสติน และด้วยวิธีการใหม่นี้เองที่ช่วยเซลล์เติบโตย่างมีประสิทธิภาพเพื่อฟื้นฟูผิวให้เกิดใหม่อีกครั้ง
การรักษาด้วย PRP ไม่มีมีข้อควรระวังหลังจากการทำ สามารถล้างหน้าและอาบน้ำได้ทันทันหลังทำ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบใดๆกับชีวิตประจำวัน ดังนั้นการรักษาด้วย PRP จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/3″][vc_widget_sidebar][vc_widget_sidebar sidebar_id=”footerbottom”][/vc_column][/vc_row]