วิตามินบี 2 Riboflavin ( Vitamin B2 )
วิตามินบี2 ( Vitamin B2 ) คือวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ ถูกดูดซึมได้ง่าย ปริมาณที่ถูกขับออกมาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของร่างกายเป็นหลัก ร่างกายจึงไม่เก็บสะสมไว้ เราจึงควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย จำเป็นต่อเอนไซม์และกระบวนการสร้างเมแทบอลิซึมของสารอาหารต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะไขมัน เป็นสารอาหารที่ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด และขจัดไขมันชนิดอิ่มตัวในเส้นเลือด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิตามินบี 2
แหล่งที่มาของวิตามินบี2
ปริมาณวิตามินบี 2 ที่ร่างกายต้องการ
ประโยชน์จากวิตามินบี 2
อาการขาดวิตามินบี 2
ภาวะการได้รับวิตามินบี 2 เกินขนาด
แหล่งที่มาของวิตามินบี2
แหล่งที่พบวิตามินบี 2 ได้ในธรรมชาติมากที่สุด ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ ตับ ผักใบเขียว นอกจากนี้ ในนมและผลิตภัณฑ์จากนมก็พบวิตามินบี 2 ได้มากเหมือนกัน
ปริมาณวิตามินบี 2 ที่ร่างกายต้องการ
- ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 2-1.7 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ หากเป็นคนที่ไม่ค่อยได้รับประทานเนื้อสัตว์ ควรหาวิตามินบี2 มาทานเพิ่มขึ้นอีก
- สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรรับประทาน 6 มิลลิกรัม หากเป็นสตรีให้นมบุตรใน 6 เดือนแรก ให้เพิ่มปริมาณเป็น 1.8 มิลลิกรัม และลดลงเหลือ 1.7 มิลลิกรัมสำหรับ 6 เดือนหลัง เพราะ ร่างกายคุณจะต้องการวิตามินบี 2 เพิ่มขึ้นจากปกติ
- สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ร่างกายจะต้องการวิตามินบี 2 เพิ่มมากขึ้น เพราะแอลกอฮอล์ขัดขวางการดูดซึมของวิตามินบี 2
- วิตามินชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านมะเร็ง เช่น เมโทเทรกเซต เพราะอาจไปลดประสิทธิภาพของยาต้านมะเร็ง
- สำหรับผู้ที่รับประทานยาปฏิชีวนะ ร่างกายคุณอาจจะไม่ได้รับวิตามินบี 2
ประโยชน์จากวิตามินบี 2
- ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
- บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม
- เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา
- กำจัดอาการเจ็บแสบในปาก ริมฝีปาก และลิ้น
- ทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ ในการเผาผลาญอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และโปรตีน
- รับประทานติดต่อกัน 3-4 เดือน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน
- เมื่ออยู่ในสภาวะเครียดทุกรูปแบบ วิตามินบีรวมเป็นสิ่งจำเป็น เพราะร่างกายจะต้องการวิตามินชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นหากอยู่ในสภาวะเครียด
อาการขาดวิตามินบี 2
- อาการทางตา ตาจะไวต่อแสงแดดและอาจพร่าเลือนเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงสว่าง รวมถึงมักจะเกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตาได้ง่าย ซึ่งก็อาจจะมีอาการตาแดง น้ำตาไหลมากกว่าปกติและมีอาการเจ็บตาร่วมด้วย
- อาการทางปาก จะเห็นได้ว่าริมฝีปากแห้งและแตก ส่วนใหญ่บริเวณมุมปากจะซีดและแตกเป็นรอยหรืออาจเรียกว่า ปากนกกระจอกก็ได้ โดยอาการดังกล่าวนี้เริ่มแรกจะเป็นแผลรอยแตกลึก เมื่อแผลหายจะเห็นเป็นแผลเป็นอย่างเห็นได้ชัด
- อาการที่ลิ้น สังเกตได้ว่าลิ้นจะมีสีแดงปนม่วงและมีลักษณะเป็นมัน ส่วนใหญ่จะเรียกอาการนี้ว่า Glossitis และริมฝีปากมีสีแดงเลือดหมู
- อาการทาผิวหนัง สังเกตได้ว่าผิวหนังจะมีลักษณะเป็นสะเก็ดมันๆ ผิวบริเวณเปลือกตาอาจมีการอักเสบและเป็นขุย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับขี้กลากนั่นเอง
ภาวะการได้รับวิตามินบี 2 เกินขนาด
โดยทั่วไปการได้รับไรโบเฟลวินในปริมาณที่สูงกว่าค่า RDA มักไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นพิษ เนื่องจากเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ ร่างกายจึงไม่เก็บสะสมไว้ และถูกขับออกมาทางปัสสาวะ แต่หากได้รับวิตามินชนิดนี้ในปริมาณที่สูงมาก อาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นพิษเช่น ปัสสาวะสีเหลือง, หมดสติ, รู้สึกแสบร้อน